**

Image
สมาธิเพื่อชีวิต

โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
 

Image

คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นคำสอนของปัญญาชน
ไม่ใช่เป็นคำสอนของบุคคลผู้เชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลด้วยความงมงาย
ศาสนาพุทธสอนให้คนเรียนให้รู้ธรรมชาติและกฎของธรรมชาติ
ถ้าใครจะถามว่าธรรมะคืออะไร ? ธรรมะ ก็คือ ธรรมชาติ
ธรรมชาติคืออะไร ? ก็คือ กายกับใจของเรา

สมาธิแบบพระพุทธเจ้า การกำหนดรู้เรื่องชีวิตประจำวัน
นี่เป็นเหตุเป็นปัจจัยสำคัญ สำคัญยิ่งกว่าการนั่งหลับตาสมาธิ
สอนสมาธิต้องสอนสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด ความรู้เห็นอะไรที่เขาอวดๆ กันนี่
อย่าไปสนใจเลย ให้มันรู้เห็นจิตของเรานี่ รู้กายของเรา
รู้ว่าธรรมชาติของกายอย่างหยาบๆ มันต้องมีการเปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ
ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด อันนี้คือความจริงของกาย

 

 

Image
สมาธิตามธรรมชาติ

คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นคำสอนของปัญญาชน
ไม่ใช่เป็นคำสอนของบุคคลผู้เชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลด้วยความงมงาย
ศาสนาพุทธสอนให้คนเรียนให้รู้ธรรมชาติและกฎของธรรมชาติ
ถ้าใครจะถามว่าธรรมะคืออะไร ? ธรรมะ ก็คือ ธรรมชาติ
ธรรมชาติคืออะไร ? ก็คือ กายกับใจของเรา

สมาธิแบบพระพุทธเจ้า การกำหนดรู้เรื่องชีวิตประจำวัน
นี่เป็นเหตุเป็นปัจจัยสำคัญ สำคัญยิ่งกว่าการนั่งหลับตาสมาธิ
สอนสมาธิต้องสอนสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด ความรู้เห็นอะไรที่เขาอวดๆ กันนี่
อย่าไปสนใจเลย ให้มันรู้เห็นจิตของเรานี่ รู้กายของเรา
รู้ว่าธรรมชาติของกายอย่างหยาบๆ มันต้องมีการเปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ
ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด อันนี้คือความจริงของกาย
 

Image

สมาธิ.....เพื่ออะไร

ปัญหาสำคัญของการฝึกสมาธินี่
บางทีเราอาจจะเข้าใจไขว้เขวไปจากหลักความจริง
สมาธิอย่างหนึ่ง เราฝึกเพื่อให้จิตสงบนิ่ง
สมาธิอย่างหนึ่ง เราฝึกเพื่อให้มีสติสัมปชัญญะ
รู้ทันเหตุการณ์นั้นๆ ในขณะปัจจุบัน
สมาธิบางอย่าง เราปฏิบัติเพื่อให้เกิดความรู้ความเห็นภายในจิต
เช่น รู้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ รู้เรื่องอดีต อนาคต

รู้อดีต หมายถึงรู้ชาติในอดีตว่าเราเกิดเป็นอะไร
รู้อนาคต หมายถึงว่าเมื่อเราตายไปแล้วเราจะไปเป็นอะไร
อันนี้เป็นการปฏิบัติเพื่อรู้อดีต เป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
อนาคตก็เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ดังนั้น เราสนใจอยู่ในสิ่งที่เป็นปัจจุบันดีไหม

ที่ครูบาอาจารย์สอนว่า ทำกรรมฐานไปเห็นโน่นเห็นนี่
นี่มันใช้ไม่ได้ ให้มันเห็นใจเราเองซิ
อย่าไปเข้าใจว่าทำสมาธิแล้วต้องเห็นนรก
ต้องเห็นสวรรค์ ต้องเห็นอะไรต่อมิอะไร
สิ่งที่เราเห็นในสมาธิมันไม่ผิดกันกับที่เรานอนหลับแล้วฝันไป
แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ ต้องเห็นนี่ คือเห็นกายของเราเห็นใจของเรา
 

 

Image
หลักสากลของการปฏิบัติสมาธิ

การบำเพ็ญสมาธิจิตเพื่อให้เกิดสมาธิ สติ ปัญญา
มีหลักที่ควรยึดถือว่า
ทำจิตให้มีอารมณ์สิ่งรู้ สติให้มีสิ่งระลึก
จิตนึกรู้สิ่งใดให้มีสติสำทับเข้าไปที่ตรงนั้น
ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด
เป็นอารมณ์จิต ฝึกสติให้รู้อยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่าใครจะทำอะไร มีสติตัวเดียว
เวลานอนลงไป จิตมันมีความคิดอย่างใด
ปล่อยให้มันคิดไปแต่ให้มีสติตามรู้ไปจนกว่าจะนอนหลับ
อันนี้เป็นวิธีการทำสมาธิตามหลักสากล

ถ้ามีใครมาถามว่า ทำสมาธินี่คือทำอย่างไร ?
คำตอบมันก็ง่ายนิดเดียว การทำสมาธิคือ
การทำจิตให้มีสิ่งรู้ ทำสติให้มีสิ่งระลึก
หมายความว่า เมื่อจิตของเรานึกถึงสิ่งใด
ให้มีสติสำทับไปที่ตรงนั้น เรื่องอะไรก็ได้
ถ้าเอากันเสียอย่างนี้ เราจะรู้สึกว่าเราได้ทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา
 

 

Image
สมาธิ.....ไม่ใช่การนั่งหลับตาเท่านั้น สมาธิ.....ไม่ใช่การนั่งหลับตาเท่านั้น

ถ้าหากไปถือว่าสมาธิคือการนั่งหลับตาอย่างเดียว
มันก็ถูกกับความเห็นของคนทั้งหลายที่เขาแสดงออก
แต่ถ้าเราจะคิดว่าอารมณ์ของสมาธิคือ การยืน เดิน นั่ง นอน
รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด ไม่ว่าเราจะทำอะไร
มีสติสัมปชัญญะรู้อยู่กับเรื่องปัจจุบัน คือเรื่องชีวิตประจำวันนี้เอง
เราจะเข้าใจหลักการทำสมาธิอย่างกว้างขวาง

และสมาธิที่เราทำอยู่นี่ จะรู้สึกว่า
นอกจากจะไปนั่งหลับตาภาวนา หรือเพ่งดวงจิตแล้ว
ออกจากที่นั่งมา เรามีสติตามรู้
การยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด
แม้ว่าเราจะไม่นั่งสมาธิอย่างที่พระท่านสอนก็ได้
เพราะว่าเราฝึกสติอยู่ตลอดเวลา เวลาเรานอนลงไป
คนมีความรู้ คนทำงาน ย่อมมีความคิด
ในช่วงที่เรานอนนั่นแหละ เราปล่อยให้จิตเราคิดไป
แต่เรามีสติตามรู้ความคิดจนกระทั่งนอนหลับ

ถ้าฝึกต่อเนื่องกันทุกวันๆ เราจะได้สมาธิอย่างประหลาด
นี่ถ้าเราเข้าใจกันอย่างนี้ สมาธิจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์โลกให้เจริญ
แต่ถ้าหากจะเอาสมาธิมุ่งแต่ความสงบอย่างเดียว
มันจะเกิดอุปสรรคขึ้นมาทันที
แม้การงานอะไรต่างๆ มองดูผู้คนนี่ขวางหูขวางตาไปหมด
อันนั้นคือสมาธิแบบฤาษีทั้งหลาย
 

 

Image
ทำสมาธิถูกทาง ไม่หนีโลก ไม่หนีปัญหา

ผู้ที่มีจิตเป็นสมาธิที่ถูกต้องนี่
สมมุติว่ามีครอบครัวจะต้องรักครอบครัวของตัวเองมากขึ้น
หนักเข้าความรักมันจะเปลี่ยน เปลี่ยนจากความรักอย่างสามัญธรรมดา
กลายเป็นความเมตตาปรานี ในเมื่อไปเผชิญหน้ากับงานที่ยุ่งๆ
เมื่อก่อนรู้สึกว่ายุ่ง แต่เมื่อปฏิบัติแล้ว ได้สมาธิแล้ว งานมันจะไม่ยุ่ง

พอประสบปัญหาเข้าปุ๊บ
จิตมันจะปฏิวัติตัวพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ
ซึ่งมันจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
ทีนี้บางทีพอเราหยิบปัญหาอะไรขึ้นมา
เรามีแบบแผนตำรายกขึ้นมาอ่าน พออ่านจบปั๊บ
จิตมันวูบวาบลงไปปัญหาที่เราข้องใจจะแก้ได้ทันที
อันนี้คือสมาธิที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวัน

แต่สมาธิอันใดที่ไม่สนใจกับเรื่องชีวิตประจำวัน
หนีไปอยู่ที่หนึ่งต่างหากของโลกแล้ว
สมาธิอันนี้ทำให้โลกเสื่อม และ
ไม่เป็นไปเพื่อทางตรัสรู้ มรรค ผล นิพพานด้วย
 

Image
ทุกคนเคยทำสมาธิมาแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างเราสำเร็จมาเพราะพลังของสมาธิ
ไม่มีสมาธิ เรียนจบปริญญามาได้อย่างไร
ไม่มีสมาธิ สอนลูกศิษย์ลูกหาได้อย่างไร
ไม่มีสมาธิ ทำงานใหญ่โตสำเร็จได้อย่างไร
ไม่มีสมาธิ ปกครองบ้านเมืองได้อย่างไร

พวกเราเริ่มฝึกสมาธิมาตั้งแต่พี่เลี้ยงนางนม
พ่อแม่สอนให้เรารู้จักกิน รู้จักนอน รู้จักอ่าน
รู้จักคนโน้นคนนี้ จุดเริ่มต้นมันมาแต่โน่น
ทีนี้พอมาเข้าสู่สถาบันการศึกษา
เราเริ่มเรียนสมาธิอย่างจริงจังขึ้นมาแล้ว

แต่เมื่อเรามาพบพระคุณเจ้า หลวงพ่อ หลวงพี่ทั้งหลายนี้
ท่านจะถามว่า “เคยทำสมาธิไหม”
จึงทำให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจว่า
เราไม่เคยทำสมาธิ ไม่เคยปฏิบัติสมาธิมาก่อน
เพราะท่านไปขีดวงจำกัดการทำสมาธิ
เฉพาะเวลานั่งหลับตาอย่างเดียว
 

Image
ไม่เป็นชาววัดก็ทำสมาธิได้

ใครที่ยังไม่มีโอกาสจะเข้าวัดเข้าวา
มานั่งสมาธิหลับตาอย่างที่พระท่านชักชวน
การปฏิบัติสมาธิเอากันอย่างนี้ ยืน เดิน นั่ง นอน
รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด ให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
ทุกคนได้ฝึกสมาธิมาตามธรรมชาติแล้วตั้งแต่เริ่มรู้เดียงสามา
ทีนี้เรามาเริ่มฝึกใหม่ นี่เป็นการเสริมของเก่าที่มีอยู่แล้วเท่านั้น
อย่าไปเข้าใจผิด

ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด เป็นอารมณ์ของจิต
เราทำให้สิ่งเหล่านี้ให้มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
เวลานอนลงไป จิตมันคิดอะไร ให้มันคิดไป
ให้มีสติไล่ตามรู้มันไปจนกระทั่งนอนหลับ
ปฏิบัติต่อเนื่องทุกวัน แล้วท่านจะได้สมใจอย่างไม่คาดฝัน

ในขณะทำงาน กำหนดสติรู้อยู่กับงาน
เวลาคิด ทำสติรู้อยู่กับการคิด
โดยถือการทำงาน การคิด เป็นอารมณ์ของจิต
โดยธรรมชาติของจิต ถ้ามีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก จิตย่อมสงบ มีปีติ สุข
เอกัคคตาได้ ในโอกาสใดโอกาสหนึ่งจนได้ ถ้าผู้ปฏิบัติตั้งใจทำจริง

 

Image
นักธุรกิจทำสมาธิกับการงาน

มีผู้หญิงมาหาหลวงพ่อแล้วมาบอกว่า
“หลวงพ่อหนูอยากจะฝึกสมาธิ แต่หนูนั่งสมาธิไม่เป็น”
หลวงพ่อก็บอกว่า “คุณนั่งไม่เป็นก็ไม่ต้องนั่ง ให้ฝึกสติให้มันรู้อยู่กับ
การยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด”

ทีนี้เมื่อสมาธิมันเกิดขึ้นเพราะการปฏิบัติอย่างนี้ ภายหลังมานี่
ความรู้สึกมันก็รู้สึกว่า เราทำอะไร พูด คิดอะไร มันเป็นสมาธิทั้งนั้น
มันก็ไปสอดคล้องกันเอง มองเห็นงานที่มันเคยยุ่งๆ ตั้งแต่ก่อน
เมื่อมีสมาธิดีแล้ว ไปประสบความยุ่งเหยิงอย่างนั้น
จิตมันรู้สึกว่ามันไม่ยุ่ง มันสามารถแก้ไขปัญหาของมันได้

อย่างบางทีพอติดปัญหาปั๊บ กำหนดจิตมันวูบวาบไป
ปัญญาที่จะแก้ไขปัญหานั้นมันก็เกิดขึ้น
แม้แต่เกี่ยวกับเรื่องงานเรื่องการก็เหมือนกัน
อันนี้เราไปติดอยู่ตรงที่ว่า อย่าไปคิดเรื่องโลก
ให้คิดแต่เรื่องธรรม แต่ความจริงโลกน่ะเป็นอารมณ์ของจิต

ในเมื่อจิตตัวนี้รู้ความจริงของโลก
แล้วมันจะปลีกตัวไปลอยเด่นอยู่เหนือโลก
และมันอาศัยโลกนั่นแหละ เป็นบันไดเหยียบไปสู่จุดที่อยู่เหนือโลก
โลกทั้งหลายนี่เป็นอารมณ์ของจิต กายและใจของเราก็เป็นโลก

สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมทั้งหลายที่เราประสบอยู่
เป็นเรื่องชีวิตประจำวันของโลก ในเมื่อเรามาฝึกสติให้รู้ทันโลกอันนี้แล้ว
จิตมันจะรู้แจ้งเห็นจริงในความเป็นจริงของโลก มันก็ปล่อยวาง
ถึงแม้ว่ามันจะอยู่กับโลก มันก็แตะๆ แตะๆ มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี่
เป็นแต่เพียงหน้าที่เท่านั้น แล้วมันจะจัดสรรตัวมันเองว่าเรามีหน้าที่อย่างไร
ควรจะรับผิดชอบอย่างไร มันจะปฏิบัติหน้าที่ไปตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

 

Image
นักเรียน นักศึกษาทำสมาธิในการเรียน

ขณะนี้นักเรียนทั้งหลายกำลังเรียน ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า
ทำอย่างไรเราจึงจะได้พลังของสมาธิ พลังของสติเพื่อสนับสนุนการศึกษา
หลวงตาจะสอนวิธีทำสมาธิในห้องเรียน สมมุติว่าขณะนี้หลวงตาเป็น
ครูสอนพวกเธอทั้งหลาย ให้พวกเธอทั้งหลายเพ่งสายตามาที่หลวงตา
ส่งใจมาที่หลวงตาแล้วก็สังเกตดูให้ดีว่าหลวงตาทำอะไรบ้าง
หลวงตายกมือหนูก็รู้ เขียนหนังสือให้หนูรู้ พูดอะไรให้หนูตั้งใจฟัง

ถ้าสังเกตจนกระทั่งกระพริบหูกระพริบตาได้ยิ่งดี เวลาเข้าห้องเรียนให้
เพ่งสายตาไปที่ตัวครู ส่งใจไปที่ตัวครู อย่าเอาใจไปอื่น เพียงแค่นี้
วิธีการทำสมาธิในห้องเรียน ถ้าพวกหนูๆ จำเอาไปแล้วปฏิบัติตาม
จะได้สมาธิตั้งแต่เป็นนักเรียนเล็กๆ ชั้นอนุบาล

ในตอนแรกนี่ การควบคุมสายตาและจิตไปไว้ที่ตัวครู
นี่อาจจะลำบากหน่อย แต่ต้องพยายามฝึก ฝึกจนคล่องตัวชำนิชำนาญ
ภายหลังแม้เราจะไม่ตั้งใจ พอเห็นใครเดินผ่านหน้ามันจะจ้องเอาๆ
พอมาเข้าห้องเรียนแล้วพอครูเดินเข้ามาในห้อง
สายตามันจะจ้องปั๊บ ใจมันก็จะจดจ่ออยู่ตรงนั้น หนูลองคิดดูซิว่า
การที่มองที่ครู และเอาใจใส่ตัวครูนี่ เราเรียนหนังสือเราจะเข้าใจดีไหม
ลองคิดดู ทีนี้เมื่อฝึกจนคล่องตัวชำนิชำนาญแล้ว สายตามันยังจ้องอยู่ที่ตัวครู

แต่ใจจะมาอยู่ที่ตัวเราเอง มาตอนนี้ครูท่านสอนอะไร
พอท่านพูดจบประโยคนั้น ใจของเรารู้ล่วงหน้าแล้วว่าต่อไปท่านพูดอะไร
เวลาไปสอบ อ่านคำถามจบ ใจของเราจะวูบวาบแล้วคำตอบมันจะผุดขึ้น
อันนี้เป็นสูตรทำสมาธิที่หลวงพ่อทำได้ผลมาแล้ว


ขอบคุณ..เว็บธรรมจักร

 
 

 


 ธรรมะมีหมอดู
 

 
ชมรมบ้านโหรเทวเทพ    


หมอดูแม่นๆ